Sunday, December 10, 2006

volcano

ต้นฤดูหนาว เมื่อสามปีที่แล้ว เวลาเย็นหลังเลิกงาน เราเดินผ่านความพลุกพล่านอึงอลบนถนนสีลม ดูเหมือนเราไม่แปลกแยกจากคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะชุดทำงานบริษัทที่สวมใส่
บรรดาแม่ค้ากำลังลำเลียงแผงเหล็ก ติดตั้งเพื่อขายของ นกนางแอ่นบินฉวัดเฉวียนเหนือหัว จำนวนนกนางแอ่นลดน้อยลงนับตั้งแต่การมาถึงของรถไฟฟ้า
เพลง volcano ของ damien rice ที่เปิดฟังจากเครื่องคอมที่ทำงานยังดังอวลในหัว เราฮัมตามท่วงทำนองท่อนที่พอจำได้ จริงๆแล้วเนื้อเพลงเริ่มแบบนี้

Don't hold yourself like that
You'll hurt your knees
I kissed your mouth, and back
And that's all I need
Don't build your world around
Volcanoes melt you down


เราเองก็จำได้ไม่หมดทุกคำ แต่ก็พอฮึมฮัมทำนองกับเนื้อเพลงบางท่อน เสียงเชลโลโหยล้า เหมือนจะตอกย้ำให้เราเหนื่อยเนือยลงไปอีกหลายร้อยเท่า ลำพังการงานก็ฉุดดึงชีวิตหายไปเสียกว่าครึ่งแล้ว
เราเคยสนุกกับงาน สนุกกับเพื่อนร่วมงานบางคน หลังๆมาเรากลับสนุกกับงานและเพื่อนร่วมงานน้อยลง เราเคยทนนั่งฟังเพื่อนคุยกันหลังอาหารมื้อเที่ยงได้จนเขาเลิกคุยกัน เราเริ่มไม่ค่อยสนุกกับการนั่งฟัง เรากินข้าวแล้วแยกตัวกลับที่ทำงานก่อน กลับไปนั่งเล่น ชงกาแฟดื่ม หรือทำอะไรก้ได้เพื่อจะอยู่คนเดียว กระทั่ง เราไม่ไปกินข้าวกับคนอื่นอีกเลย นอกจากจำเป็นจริงๆ และเราก็จะกลับก่อนทุกครั้ง

เราไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่และสาเหตุใด เราก็ไม่ได้บาดหมางกับใครๆ ยังพูดคุยฮาเฮเหมือนเช่นปกติ เพียงแต่ไม่สามารถทนกับสภาพการพูดคุยหลังมื้ออาหารเที่ยงได้ เราว่ามันไร้สาระและไม่มีแก่นสารใดๆ
หากเป็นการดื่มกินหลังจากเลิกงานแล้ว เรากลับสนุกกับมัน ทั้งที่ก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดิม (บางคนที่ดื่มแอลกอฮอล์) จากวงเหล้าแถวที่ทำงาน เราจะดื่มๆ ให้เมาแล้วก็เตลิดไปจบที่ร้านเหล้าที่มีหญิงสาวแปลกหน้า แล้วตื่นมาพบว่าคนนอนข้างๆชื่ออะไรยังจำไม่ได้

เราคิดว่าสักวันเราคงเลอะเลือนและหลงลืมกระทั่งตัวเอง แต่ยิ่งนานวันมันกลัยิ่งตอกย้ำหนักข้อ เราจำชื่อแต่ละหญิงสาวที่นอนด้วยได้ จากความสัมพันธ์ชั่วคืน เป็นความสัมพันธ์ต่อเนื่อง จากที่เคยพบกันในความมืด บนเตียง กลับต้องพบเจอเวลากลางวัน เรารังเกียจใบหน้าพวกเธอเวลาโดนแสงสว่าง แต่เรากลับร่วมรักกับพวกเธอได้ทุกครั้งที่พบกัน จนเรารังเกียจตัวเอง เรายิ่งถลำลึกลงเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าจะฉุดดึงตัวเองขึ้นได้อย่างไร.



No comments: