Monday, December 11, 2006

sitting bull

เดินเข้าไปในซอยสุขุมวิท 41 ราวๆ 50 เมตร จะพบร้านเหล้าเล็กๆ เจ้าของเป็นชายหนุ่มผมยาวอัธยาศัยดี ในร้านมีโต๊ะตั้งเพียงสี่ห้าตัว ที่น่าแปลกคือร้านเหล้าแห่งนี้ไม่ขายเหล้า หากต้องการดื่มต้องซื้อมาเอง ซึ่งสถานที่ซื้อก็คือร้านท็อปส์ตรงปากซอยนั่นเอง

ปกติร้านเหล้าจะเปิดเพียงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เท่านั้น จึงมีลูกค้าหลายคนเรียกร้านนี้ว่าร้านศุกร์เสาร์อาทิตย์ หากแต่จริงๆแล้วร้านเหล้านี้ชื่อว่า sitting bull ซึ่งชายหนุ่มเจ้าของร้านบอกว่านำมาจากชื่อของหัวหน้าอินเดียนแดงเผ่าซูที่เขาชื่นชอบ.

Sunday, December 10, 2006

volcano

ต้นฤดูหนาว เมื่อสามปีที่แล้ว เวลาเย็นหลังเลิกงาน เราเดินผ่านความพลุกพล่านอึงอลบนถนนสีลม ดูเหมือนเราไม่แปลกแยกจากคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะชุดทำงานบริษัทที่สวมใส่
บรรดาแม่ค้ากำลังลำเลียงแผงเหล็ก ติดตั้งเพื่อขายของ นกนางแอ่นบินฉวัดเฉวียนเหนือหัว จำนวนนกนางแอ่นลดน้อยลงนับตั้งแต่การมาถึงของรถไฟฟ้า
เพลง volcano ของ damien rice ที่เปิดฟังจากเครื่องคอมที่ทำงานยังดังอวลในหัว เราฮัมตามท่วงทำนองท่อนที่พอจำได้ จริงๆแล้วเนื้อเพลงเริ่มแบบนี้

Don't hold yourself like that
You'll hurt your knees
I kissed your mouth, and back
And that's all I need
Don't build your world around
Volcanoes melt you down


เราเองก็จำได้ไม่หมดทุกคำ แต่ก็พอฮึมฮัมทำนองกับเนื้อเพลงบางท่อน เสียงเชลโลโหยล้า เหมือนจะตอกย้ำให้เราเหนื่อยเนือยลงไปอีกหลายร้อยเท่า ลำพังการงานก็ฉุดดึงชีวิตหายไปเสียกว่าครึ่งแล้ว
เราเคยสนุกกับงาน สนุกกับเพื่อนร่วมงานบางคน หลังๆมาเรากลับสนุกกับงานและเพื่อนร่วมงานน้อยลง เราเคยทนนั่งฟังเพื่อนคุยกันหลังอาหารมื้อเที่ยงได้จนเขาเลิกคุยกัน เราเริ่มไม่ค่อยสนุกกับการนั่งฟัง เรากินข้าวแล้วแยกตัวกลับที่ทำงานก่อน กลับไปนั่งเล่น ชงกาแฟดื่ม หรือทำอะไรก้ได้เพื่อจะอยู่คนเดียว กระทั่ง เราไม่ไปกินข้าวกับคนอื่นอีกเลย นอกจากจำเป็นจริงๆ และเราก็จะกลับก่อนทุกครั้ง

เราไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่และสาเหตุใด เราก็ไม่ได้บาดหมางกับใครๆ ยังพูดคุยฮาเฮเหมือนเช่นปกติ เพียงแต่ไม่สามารถทนกับสภาพการพูดคุยหลังมื้ออาหารเที่ยงได้ เราว่ามันไร้สาระและไม่มีแก่นสารใดๆ
หากเป็นการดื่มกินหลังจากเลิกงานแล้ว เรากลับสนุกกับมัน ทั้งที่ก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดิม (บางคนที่ดื่มแอลกอฮอล์) จากวงเหล้าแถวที่ทำงาน เราจะดื่มๆ ให้เมาแล้วก็เตลิดไปจบที่ร้านเหล้าที่มีหญิงสาวแปลกหน้า แล้วตื่นมาพบว่าคนนอนข้างๆชื่ออะไรยังจำไม่ได้

เราคิดว่าสักวันเราคงเลอะเลือนและหลงลืมกระทั่งตัวเอง แต่ยิ่งนานวันมันกลัยิ่งตอกย้ำหนักข้อ เราจำชื่อแต่ละหญิงสาวที่นอนด้วยได้ จากความสัมพันธ์ชั่วคืน เป็นความสัมพันธ์ต่อเนื่อง จากที่เคยพบกันในความมืด บนเตียง กลับต้องพบเจอเวลากลางวัน เรารังเกียจใบหน้าพวกเธอเวลาโดนแสงสว่าง แต่เรากลับร่วมรักกับพวกเธอได้ทุกครั้งที่พบกัน จนเรารังเกียจตัวเอง เรายิ่งถลำลึกลงเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าจะฉุดดึงตัวเองขึ้นได้อย่างไร.



Sunday, December 3, 2006

25 ปี ปฐมพร ปฐมพร

เมื่อคืนไปงานเปิดตัว 25 ปี ปฐมพร ศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจจากเพลงของปฐมพร โดยทีมศิลปินจากเชียงให่ที่ลงทุนลงแรงออกเงินกันเอง เดินทางโดยรถบัส มาจัดแสดงงานศิลปะและดนตรีที่หอศิลป์ออนอาร์ต หน้าสถานีรถไฟสามเสน (หน้าสถานีคือด้านที่มีรางรถไฟ ส่วนหลังสถานีคือบริเวณทางเข้าสถานีรถไฟ)

งานเปิดตัวจัดง่ายๆ มีการพูดคุยของทีมจัดงานและคุณปฐมพร มีดนตรีสด แรง มัน เล่นเพลงของปฐมพรโดยการทำดนตรีใหม่ และการแสดงสดของไอ้ตัวสีฟ้า กับคอนเซ็ปต์ ถามตัวเอง ที่แรงและโดน จนพ่อแม่ที่พาลูกมาด้วยต้องรีบจูงลูกออกไปจากห้องแสดงงาน

ปิดเวทีด้วยการแจมสดของตุล อพาร์ตเม้นต์คุณป้า และเมธี โมเดิร์นด็อกกับมือกลองที่เราไม่ทราบชื่ออีกคน เพลงพลังงานที่ตุลด้นสดบวกกับกีตาร์ที่เน้นสำเนียงแกว่งแตกพร่าไปกันได้ดี เรียกเสียงปรบมือเกรียวจากผู้ร่วมงาน.

Saturday, December 2, 2006

รถเต่าสีเขียวแก่

วันนี้มีคนล้างรถให้แต่เช้า
เรานั่งมองอย่างสบายใจ จิบเบียร์แล้วกระดิกตีน
ครั้นเมื่อรถสะอาดวาววับแล้ว
เราเดินไปหยิบกุญแจมา สตาร์ตและขับออกไป
จุดหมายคือถนนว่างโล่งขนานมอเตอร์เวย์
เช้าๆ ไม่ค่อยมีรถมากนัก
ขับช้าๆ แล้วเร่งแรงๆ
รถโฟล์กเต่ายังทำหน้าที่อย่างซื่อตรง เครื่องกระหึ่ม ล้อบดถนนนิ่มเรียบ
สิบนาทีผ่านไป เราก็กลับบ้าน
ด้วยความรื่นฤทัย ไม่มีสัจจพันธุ์

Friday, December 1, 2006

สกา คู่แฝดความคึกคักของเรกเก้

หากจะค้นย้อนกลับไปถึงต้นกำเนิดของดนตรีแนวสกา (Ska) เราคงไม่ต้องเดินทางย้อนกลับไปนานเท่าใดนัก เพราะจะว่าไปแล้วดนตรีแนวสกาก็แตกกอต่อยอดจากดนตรีแบบเมนโต้และคาลิปโซ่ผสมผเสกับริธึ่มแอนด์บลูส์ คล้ายๆ กับเรกเก้ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากดินแดนจาไมก้า ประเทศแถบอเมริกาใต้

สกาแพร่กระจายในอากาศสู่รูรับเสียงของคนฟังดนตรีทั่วโลกในราวทศวรรษหกสิบ ซึ่งช่วงนั้นกระแสร็อคแอนด์โรลล์จากบริทิชร็อคอย่าง The Beatles กำลังปั่นป่วนทั้งฝั่งอังกฤษและอเมริกา

วงดนตรีแนวสการุ่นหลัง ซึ่งส่วนใหญ่จะผนวกท่วงทำนองพังก์เข้าไปด้วยตามกระแสความนิยมดนตรีโพสต์พังก์ในช่วงปลายยุคเก้าศูนย์ เท่าที่ได้ฟังก็มี Rancid, Smash Mouth, No Doubt, Sublime, Sugar ray และอื่นๆ ถ้านึกออกจะบอกอีกที.